มันฝรั่งอบชีส เนื้อเนียนๆ ชีสยืดๆ โดนใจสายชีส

ใครมันจะไปอดใจไหวกับการรวมตัวกันของมันฝรั่ง ความหอมของเนย และความอร่อยของชีส แค่เห็นวัตถุดิบก็รู้แล้วว่าเมนูนี้อร่อยแน่ ใครสายชีส รักในการเห็นชีสยืด เยิ้ม ต้องถูกใจแน่นอน วันนี้กินดีอยู่ดีพาทำเมนู มันฝรั่งอบชีส ที่ทำเมื่อไหร่ ก็อร่อยฟินทุกที ขั้นตอนการทำไม่ยาก แถมผลงานออกมาน่ากินมาก ๆ เลยค่ะ ขึ้นโต๊ะเมื่อไหร่ มีแต่หมด กับหมดอย่างแน่นอน

มันฝรั่งอบชีส

ขั้นตอนการทำ มันฝรั่งอบชีส

1 . นำมันฝรั่งห่อฟอยด์แล้วเข้าอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที หรือจนกว่าจะสุก แล้วนำมันฝรั่งที่สุก มาผ่าครึ่ง

2 . คว้านเอาแต่เนื้อมันฝรั่งที่สุกแล้วออกมา แต่ยังคงเก็บเปลือกและฟอยด์ไว้นะคะ

มันฝรั่งอบชีส

3 . จากนั้นนำเนื้อมันฝรั่งที่แกะออกมาจากเปลือกมาบี้ด้วยส้อมจนแตกออกจากกัน

4 . จากนั้นใส่เนยเค็มลงไปประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ คลุกเนยกับเนื้อมันฝรั่งให้เข้ากัน

5 . เติมนมสดลงไปปริมาณ 1/4 ถ้วย คลุกให้ส่วนผสมเข้ากันอีกครั้ง

มันฝรั่งอบชีส

6 . จากนั้นปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย จากนั้นคลุกผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน ชิมให้ได้รสชาติที่ชอบ

7 . จากนั้นตักเนื้อมันฝรั่งที่ปรุงรสเสร็จแล้ว ใส่กลับเข้าไปในเปลือกมันฝรั่ง ที่เราเก็บแยกไว้ตอนแรก

8 . ใส่เนื้อมันฝรั่งให้พูน ๆ ยิ่งดูน่ากินยิ่งขึ้น

มันฝรั่งอบชีส

9 . จากนั้นโปะด้วยมอซซาเรลล่าชีส ตามด้วยเชดด้าชีส ปริมาณตามชอบได้เลยค่ะ

10 . จากนั้นนำเข้าเตาอบด้วยอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ใช้เวลาประมาณ 10 นาที หรือรอจนกว่าชีสละลาย ไหลเยิ้มกำลังดี

11 . พอชีสละลายแล้วก็ออกมาหน้าตาดีแบบนี้ น่ากินไม่ไหว

มันฝรั่งอบชีส

12 . ท็อปด้วยเบค่อนทอดกรอบและต้นหอมเล็กน้อย เพิ่มความสวยงาม แล้วยังเพิ่มรสชาติอีกด้วยค่ะ มันฝรั่งอบชีส พร้อมเสิร์ฟแล้วค่าาาา

รู้ไหมแสงแดดเปลี่ยนมันฝรั่งให้กลายเป็นยาพิษได้

แสงแดดจำเป็นกับต้นไม้ก็จริง แต่กับมันฝรั่งนั้นไม่ใช่เลยค่ะ คลอโรฟิลล์ที่ทำหน้าที่สังเคราะห์แสง มีอยู่ในหัวมันฝรั่งจะเริ่มทำงานแทนลำต้นบนดินหลักจากที่เราเก็บเกี่ยว และเมื่อมันฝรั่งเปลี่ยนเป็นสีเขียว จะสร้างสารที่ชื่อมา โซลานีน ขึ้นมา และสารชนิดนี้นั้นก็เป็นพิษต่อร่างกายด้วย และสารโซลานีนนี้ไม่สามารถทำลายได้เลย แม้จะนำมันฝรั่งสีเขียวไปต้ม หรืออบด้วยความร้อนสูง ซึ่งการบริโภคผักที่มีโซลานีนในปริมาณมาก ๆ นั้นเป็นอันตรายต่อร่างกาย มันมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางระบบประสาท การเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก รวมไปถึงเกิดการระคายเคืองของเยื่อบุกระเพาะอาหารได้ ถ้าอยากเก็บมันฝรั่งไว้นาน ๆ แนะนำให้เก็บในที่มืดและเย็นจะดีที่สุดนะคะ ครั้งหน้าหากเจอมันฝรั่งที่เริ่มมีสีเขียวหรือมีต้นอ่อนงอกออกมาแล้ว โยนทิ้งสถานเดียวนะคะ

ช่องทางการติดตามกินดีอยู่ดี
Facebook : https://www.facebook.com/KindeeyuudeeTH
Instagram : @kindeeyuudeeth
Tiktok : @kindeeyuudeeth
ติดตามสูตรอาหารเพิ่มเติมได้ที่นี่