เปิดถุงพริกไทยออกมาไม่หอมเอาซะเลย ยิ่งนำไปปรุงเมนูอาหารยิ่งแล้วใหญ่ กลิ่นหอม ๆ ฉุย ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของพริกไทยไม่หอมฟุ้งเตะจมูกแบบที่ควรจะเป็นเอาซะเลย ใส่เยอะแค่ไหนกลิ่นก็ไม่มา วันนี้บ้านและสวนกินดีอยู่ดี มีวิธีแก้ปัญหา พริกไทย ไม่หอม มาฝากค่ะ ซึ่งวิธีนี้จะสามารถนำไปใช้ได้ทั้งกับพริกไทยขาวและพริกไทยดำเลยค่ะ
ทำไมพริกไทยถึงกลิ่นอ่อน ?
เป็นไปได้หลายสาเหตุเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บรักษา พริกไทยอยู่ในที่ชื้นหรือเปล่า หรือเก็บพริกไทยมาเป็นเวลานาน กลิ่นหอม ฉุน ที่เป็นเอกลักษณ์ของพริกไทยก็มีโอกาสที่จะค่อย ๆ ระเหยหายไปตามระยะเวลาการเก็บได้เช่นกันค่ะ
1 . ตั้งกระทะ เปิดไฟกลางค่อนอ่อน รอให้กระทะร้อนแล้วเทพริกไทยลงไปได้เลย ใช้ไม้พายค่อย ๆ คั่วพริกไทยให้สัมผัสกับความร้อนทั่ว ๆ จนได้กลิ่นหอมลอยขึ้นมา หรือจะสังเกตอีกอย่างก็คือ ที่ผิวด้านนอกของเมล็ดพริกไทยจะเต่งตึงขึ้น
2 . พอเมล็ดพริกไทยหอมแล้ว ผิวเต่งตึงขึ้นแล้วก็ได้เวลาลงจากกระทะ
3 . ตั้งพึ่งลมเอาไว้จนเมล็ดไทยเย็นสนิท ต้องเย็นสนิทเท่านั้นนะคะ
4 . เก็บพริกไทยที่คั่วแล้วลงกระปุกที่มีฝาปิดสนิทได้เลยค่ะ ถึงเวลาจะใช้ค่อยนำออกมาปรุงอาหาร
5 . ถ้ายังไม่ใช้งานแนะนำว่าอย่าเพิ่งตำพริกไทยค้างไว้นะคะ เพราะความหอมที่เราอุตส่าห์สร้างมาอาจจะหายไประหว่างการเก็บได้ค่ะ จะใช้แล้วค่อยนำพริกไทยออกมาตำ
6 . เท่านี้ก็จะได้พริกไทยที่หอมฟุ้ง โรยใส่เมนูไหนกลิ่นก็หอมชัดแล้วค่ะ
TIPS
ก่อนจะนำพริกไทยมาคั่วในกระทะ สามารถแช่น้ำเพื่อทำความสะอาดอีกครั้งได้ แต่หลังจากการแช่น้ำแล้ว จำเป็นต้องนำพริกไทยไปตากแดดให้แห้งสนิท ย้ำว่าแห้งสนิทเท่านั้นนะคะ ไม่อย่างนั้นความชื้นสะสมที่อยู่ในเมล็ดพริกไทยจะทำให้ราขึ้นได้ค่ะ
พริกไทยขาวกับพริกไทยดำต่างกันตรงไหน
จริง ๆ แล้วพริกไทยทั้งสองชนิดแทบจะเรียกว่าเป็นพี่น้องที่คลานตามกันมาเลยก็ได้ค่ะ ทั้งคู่เก็บเกี่ยวจากต้นพริกไทยเดียวแต่แตกต่างกันที่ พริกไทยดำ จะเก็บเกี่ยวตอนเมล็ดพริกไทยแก่เต็มที่ ผลจะมีสีส้ม แล้วนำมาตากแดดให้แห้ง เปลือกจากสีส้มก็เปลี่ยนเป็นสีดำ และค่อยๆย่น จนเป็นแบบเราเห็น ส่วนพริกไทยขาวจะเก็บเกี่ยวตอนเมล็ดพริกไทยแก่จัดจนเกือบสุก นำมาแช่น้ำเอาไว้ให้เปลือกหลุดออกหมด แล้วนำไปตากแดดจนแห้งจนเมล็ดกลายเป็นสีขาว พริกไทยขาวเลยมีชื่อเรียกเล่นๆอีกชื่อว่า พริกไทยลอน นั้นเองค่ะ รสชาติของพริกไทยขาวเลยจะอ่อนกว่า แต่เวลาปรุงในเมนูอาหารแล้วไม่ทำให้สีเปลี่ยนแบบการใส่พริกไทยดำ
Story : อรญา ไตรหิรัญ
Photo : ณัฐวุฒิ เพ็งคำภู
