บัวลอยเสียบไม้

แจกไอเดีย เบื่อแล้วบัวลอย แบบธรรมดา พาทำ บัวลอยเสียบไม้ สไตล์ดังโงะ เอาใจวัยสะรุ่น ทำกินได้อร่อยชัวร์ ทำขายหน้าโรงเรียนก็ดี ใส่แก้วถือคนละไม้สองไม้ อร่อยเพลินแบบเต็มปากเต็มคำ

ที่มาของขนมบัวลอย

จัดเป็นเครื่องหวานที่คู่สำรับกับข้าวไทยมาตั้งแต่ครั้งโบราณ ทั่วไปประชาชนจะทำขนมในงานมงคล นับตั้งแต่การทำบุญเลี้ยงพระ และงานพิธีการ วัตถุดิบการทำที่กลมกลืน พิถีพิถันในเรื่องรสชาติ สีสัน ความสวยงาม กลิ่นหอม รูปลักษณะ ชวนรับประทาน ตลอดจนกรรมวิธีการรับประทาน

บัวลอยเสียบไม้

ส่วนผสม
แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย
แป้งข้าวเจ้า ½ ถ้วย
ฟักทองนึ่ง 150 กรัม
มันม่วงนึ่ง 150 กรัม
เผือกนึ่ง 150 กรัม
น้ำกะทิ 100 ml.
ส่วนผสมซอสกะทิ
กะทิ 250 ml.
น้ำตาลทราย 100 กรัม
เกลือ ½ ช้อนชา
แป้งข้าวเจ้า 1-2 ช้อนโต๊ะ
ใบเตยมัด 2 ใบ
งาขาวคั่ว ตามชอบ 

ขั้นตอนการทำ

เริ่มจากผสมเนื้อแป้งตามชอบ นำมันม่วงนึ่ง มาบี้ใส่แป้ง ค่อยๆ เติมน้ำกะทิลงไป แล้วนวดให้เข้ากัน สีอื่นๆ ก็ทำแบบเดียวกัน

ทั้ง 3 สีนี้ ได้จาก เผือก ฟักทอง และมันม่วง จะได้เป็นเนื้อแบบนี้ แล้วลองปั้นดู ถ้าแห้งไปสามารถเติมน้ำกะทิเพิ่มได้

จากนั้นนำมาปั้นเป็นก้อนกลม ขนาดเท่าลูกชิ้น แล้วนำไปเสียบไม้ รอพักไว้

นำไปต้มในน้ำเดือด ประมาณ 10 นาที สุกแล้ว นำขึ้นใส่ภาาชนะ พักไว้

มาทำซอสกะทิกันค่ะ มีกะทิ น้ำตาล เกลือและแป้งข้าวเจ้า คนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันดี ก่อนนำขึ้นตั้งไฟ แล้วใส่ใบเตยเพิ่มความหอม

นำซอสกะทิของเราราดได้เลย โรยงาขาวคั่วหอมๆ อร่อยยิ่งขึ้น
***ถ้าอยากให้ข้นกว่านี้ สามารถเพิ่มแป้งข้าวเจ้าลงไปได้นะคะ


คุณค่าทางอาหาร ประโยชน์จากวัตถุดิบ

มันม่วง หรือมันหวาน

เป็นอาหารประเภทแป้งที่ให้พลังงานสูง มีวิตามิน เส้นใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยบำรุงสายตาในที่มืด หรือ ในที่แสงสว่างน้อย ตามัว ตาฝ้าฟาง ลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจก และยังช่วยป้องกันเซลล์เยื่อบุต่าง ๆ อีก ด้วย

  • มีวิตามิน A และเบตาแคโรทีน ช่วยในการมองเห็น
  • มีแคโรทีนอยด์ ป้องกันโรคหัวใจและโรคมะเร็ง เพราะมีทั้งไฟเบอร์ และแอนโทไซยานินซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระจึงทำให้มันม่วงมีสรรพคุณมากมาย โดยเฉพาะการต้านมะเร็ง
  • ลดระดับน้ำตาลในเลือด และไขมันเลว LDL เพราะสารต้านอนุมูลอิสระในมันเทศสีม่วง ช่วยยับยั้งการจับตัวของน้ำตาลกับโปรตีนในระดับเซลล์ ส่งผลให้เซลล์ในร่างกายและเส้นเลือดเสื่อมน้อยลง ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยเบาหวานได้

ฟักทอง

จัดเป็นพืช ที่เป็นทั้งผักและผลไม้ มีสีเหลืองน่ารับประทาน ประกอบด้วยแร่ธาตุและสารอาหารที่เป็นประโยชน์มากมาย มีทั้ง วิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี5 วิตามินบี6 วิตามินอี วิตามินซี วิตามินเค ฟอสฟอรัส แคลเซียม โพแทสเซียม โซเดียม แมงกานีส ธาตุเหล็ก ซิงค์ และแร่ธาตุอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งแร่ธาตุและสารอาหารเหล่านี้มีประโยชน์กับร่างกายในเรื่องต่าง ๆ เช่น

  • ฟักทองมีเบต้าแคโรทีนสูง จึงช่วยป้องกันการเกิดสิว และอาการจอประสาทตาเสื่อม
  • มีแมกนีเซียมสูง จึงช่วยลดอาการภูมิแพ้ หอบหืดและยังมีวิตามินบี 6 ซึ่งมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและอาจช่วยแก้ภาวะซึมเศร้าได้
  • มีใยอาหารที่ละลายน้ำในปริมาณสูง ใยอาหารจะช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดแอลดีแอลที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย นอกจากนี้ยังมีแคลอรีต่ำไขมันน้อย เมื่อกินแล้วจึงไม่ทำให้อ้วน และมีวิตามินซีสูง จึงช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณดี มีน้ำมีนวล

เผือก

เป็นพืชหัวชนิดหนึ่งที่มีรสชาติหวานอ่อน ๆ และมีรสสัมผัสมันเล็กน้อยคล้ายกับแป้ง มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตมากจึงเป็นแหล่งของพลังงานชั้นดี และยังมีใยอาหารสูง ซึ่งจำเป็นต่อระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายด้วย อีกทั้งเผือกยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีสรรพคุณในการช่วยบำรุงสุขภาพอีกหลายชนิด โดยเผือกปรุงสุก 132 กรัม อาจให้แมงกานีสมากถึง 30% ให้วิตามินบี 6 มากถึง 22% และให้วิตามินอีมากถึง 19% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวันเลยทีเดียว

ที่มา – ชีวจิต


Story : เนื้อทอง ทรงสละบุญ
Photo : วาระ สุทธิวรรณ


ช่องทางการติดตามกินดีอยู่ดี
Facebook https://www.facebook.com/KindeeyuudeeTH
Instagram @kindeeyuudeeth
Tiktok @kindeeyuudeeth
ติดตามสูตรอาหารเพิ่มเติมได้ที่นี่