ผักโขมอบชีส

ขึ้นชื่อว่า “ผัก” หลายคนบอกไม่ชอบเลย เพราะขม เหม็นเขียว กินดีอยู่ดี พาทำ ผักโขมอบชีส ที่คนไม่กินผักยังอยากตักกิน จะบอกว่าทำไม่ยาก วันนี้มาบอกอย่างละเอียด มาดูกันเลย 🤩

ผักโขมอบชีส

ส่วนผสม
ผักโขม 300 กรัม
กระเทียม 2 ช้อนชา
น้ำมันสำหรับผัด 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 หยิบมือ
ไวท์ซอส
เชดด้าชีสผสมกับมอสซาเรลล่าชีส สำหรับโรยหน้า
.
ส่วนผสมไวท์ซอส
เนยเค็ม 20 กรัม
แป้งอเนกประสงค์ 20 กรัม
นม 200 ml.
เกลือ 1 หยิบมือ
ลูกจันทน์ป่นหรือพริกไทย ตามชอบ

พร้อมแล้วมาเริ่มกันเลยค่ะ
ตั้งกระทะใส่น้ำมัน พอร้อนใส่กระเทียมผัดจนได้กลิ่นหอม ใส่ผักโขมลงไป เอาเฉพาะใบนะคะ ปรุงรสด้วยเกลือ เพื่อเพิ่มรสชาตินิดหน่อย ผัดจนสุก พักไว้

มาทำ ไวท์ซอส กันค่ะ ตั้งหม้อใช้ไฟอ่อน ใส่เนยลงไปคนจนละลาย เติมแป้ง กวนตลอดจนเข้ากันดี จากนั้นค่อยเติมนมตามลงไป คอยคนตลอดด้วยนะคะ จากนั้นปรุงรสด้วยเกลือ และลูกจันทน์ป่น คนจนเดือดปุดเบา ๆ สังเกตเป็นริ้วอ่อน ๆ พอค่ะ

ประกอบร่างกันเลย
ตักผักโขมใส่ภาชนะที่ทนความร้อนได้ เพราะจะต้องเอาเข้าเตาอบนะคะ เติมไวท์ซอสลงไป ฉ่ำ ๆ ตามชอบได้เลย คลุกเคล้าผักโขมกับไวท์ซอสให้เข้ากันสักนิด

โปะ…..ชีสสสสสส 😋 ใส่เยอะ ๆ ไปเลย…ชั้นรักเค้า
แล้วนำเข้าเตาอบด้วยอุณภูมิ 200 องศาเซลเซียส ประมาณ 10-15 นาที

เสร็จแล้ว…หน้าตาดีมากกกกก น่ากินสุด ๆ


ผักโขม

ผักโขม มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า A. dubius เป็นพืชในตระกูล Amaranthaceae ชื่อวงศ์คือ Amaranthus. มีต้นกำเนิดในประเทศเขตร้อน จริง ๆ แล้วผักโขมเป็นผักที่สามารถขึ้นได้เองตามธรรมชาติโดยไม่ต้องปลูก แต่ด้วยความนิยมในการบริโภคผักโขมมีมาก เกษตรกรเลยปลูกผักโขมเพื่อจำหน่ายกันด้วย โดยผักโขมที่นิยมปลูกมีอยู่ด้วยกัน 4 ชนิด คือ ผักโขมจีน (ผักโขมแดงและผักโขมใบเขียว) ผักโขมบ้าน ผักโขมหนาม และผักโขมยักษ์

คุณค่าทางโภชนาการของผักโขม

ข้อมูลทางโภชนาการของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA National Nutrient data base) เผยว่า ผักโขมสด ปริมาณ 100 กรัม ให้คุณค่าทางสารอาหาร ดังนี้….

  • พลังงาน 23 กิโลแคลอรี
  • คาร์โบไฮเดรต 4.02 กรัม
  • โปรตีน 2.46 กรัม
  • ไขมันทั้งหมด 0.33 กรัม
  • ไฟเบอร์ 2.2 กรัม
  • โฟเลต 85 µg
  • ไนอะซิน 0.658 มิลลิกรัม
  • กรดแพนโทเธนิก 0.065 มิลลิกรัม
  • ไรโบฟลาวิน 0.158 มิลลิกรัม
  • ไทอะมิน 0.027 มิลลิกรัม
  • วิตามินเอ 2917 IU
  • วิตามินซี 43.3 มิลลิกรัม
  • วิตามินเค 1140 µg
  • โซเดียม 20 มิลลิกรัม
  • โพแทสเซียม 611 มิลลิกรัม
  • แคลเซียม 215 มิลลิกรัม
  • สังกะสี 0.90 มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก 2.32 มิลลิกรัม
  • แมกนีเซียม 55 มิลลิกรัม
  • แมงกานีส 0.885 มิลลิกรัม
  • ฟอสฟอรัส 50 มิลลิกรัม

สรรพคุณของผักโขม ดีต่อร่างกาย กินก็ง่ายนะ

  1. โปรตีนสูง

ผักโขมจัดเป็นผักโปรตีนสูงชนิดหนึ่ง ซึ่งโปรตีนเป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับ เพื่อช่วยในการเสริมสร้างกระดูก เนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อ ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย ดังนั้นเด็ก ๆ หรือคนที่ต้องการเสริมโปรตีนให้ร่างกาย แนะนำให้กินผักโขมได้เลยค่ะ

  1. ช่วยต้านอาการอักเสบ

ไม่ใช่แค่โปรตีนสูงเท่านั้น แต่ผักโขมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงไม่แพ้กัน สรรพคุณนี้เลยช่วยป้องกันอาการอักเสบของร่างกาย โดยเฉพาะการอักเสบที่จะเกิดกับเนื้อเยื่อหรือเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย

  1. บำรุงกระดูก

แคลเซียมในผักโขมมีมากพอที่จะช่วยบำรุงกระดูกของเราได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ใครอยากเสริมแคลเซียมให้ตัวเองก็สามารถกินผักโขมเสริมแคลเซียมได้เหมือนกัน

  1. กระตุ้นการย่อยอาหาร

ขึ้นชื่อว่าเป็นผักก็ย่อมมีไฟเบอร์หรือกากใยอาหารที่จะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร ช่วยให้กระบวนการย่อยอาหารดีขึ้น ระบบขับถ่ายก็ดีขึ้นด้วยค่ะ

  1. ลดระดับคอเลสเตอรอล

ใยอาหารในผักโขมมีส่วนช่วยกำจัดไขมันเลวหรือไขมัน LDL ไปกับการขับถ่าย ในขณะที่สารซาโปนิน (Saponin) ในผักโขมก็จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ผนึกกำลังกันลดโอกาสที่ไขมันเลวจะถูกดูดซึมไปในเส้นเลือด นอกจากนี้ผักโขมยังมีวิตามินและธาตุเหล็กที่ช่วยบำรุงการทำงานของหัวใจและหลอดเลือดด้วยค่ะ

  1. บำรุงสายตา

วิตามินเอที่มีอยู่ในผักโขมเป็นพระเอกที่ช่วยบำรุงสายตาและประสาทในการมองเห็น แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยป้องกันการอักเสบของเซลล์ ลดความเสี่ยงโรคต้อกระจก ช่วยบำรุงสายตาให้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพไปนาน ๆ

  1. ดีต่อคุณแม่ตั้งครรภ์

ร่างกายคุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับการบำรุงด้วยธาตุเหล็ก และโฟเลต ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญในการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ รวมไปถึงช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านต่าง ๆ ที่ทารกควรได้รับ ซึ่งในผักโขมมีธาตุเหล็กและโฟเลตในปริมาณที่ไม่น้อย

ขอบคุณข้อมูล ชีวจิต


Story : เนื้อทอง ทรงสละบุญ
Photo : วาระ สุทธิวรรณ

ช่องทางการติดตามกินดีอยู่ดี
Facebook https://www.facebook.com/KindeeyuudeeTH
Instagram @kindeeyuudeeth
Tiktok @kindeeyuudeeth
ติดตามสูตรอาหารเพิ่มเติมได้ที่นี่