มะเขือเทศเก็บแบบไหนถึงจะยืดเวลาความสดออกไปได้นานขึ้น การแช่ตู้เย็นไปทั้งผลแบบที่เคยทำ ใช่ วิธีเก็บมะเขือเทศ ที่เหมาะสมหรือเปล่า วันนี้บ้านและสวนกินดีอยู่ดีมีเคล็ดลับ วิธีเก็บมะเขือเทศ มาฝากโดยจะแบ่งการเก็บออกเป็น 3 ระยะตามช่วงเวลา คือระยะที่1. จะหยิบใช้ในเร็วๆนี้ ยืดความสดออกไปได้เป็นหลักสัปดาห์ ระยะที่ 2 ยืดความสดของมะเขือเทศออกไปได้เป็นหลักเดือน และระยะสุดท้าย เป็นวิธีการเก็บมะเขือเทศให้อยู่ได้นานเป็นหลักปีเลยค่ะ จะมีขั้นตอนการเก็บอย่างไรบ้าง ตามไปดูกัน
วิธีเก็บมะเขือเทศ ในระยะที่ 1. จะหยิบมาใช้งานในเร็วๆนี้
เด็ดขั้วของมะเขือเทศออก เพราะตรงขั้วนี่แหละจะทำให้มะเขือเทศเน่าง่าย
ใช้เทปใสแปะที่ขั้ว เป็นการป้องกันการระเหยของน้ำหล่อเลี้ยงด้านใน
หากระจาดที่ระบายอากาศได้ดี คว่ำหน้ามะเขือเทศลง เรียงไว้ให้ไม่ซ้อนกัน เลือกเก็บในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่โดนแดดโดยตรง ไม่จำเป็นต้องนำเข้าตู้เย็นนะคะ วิธีนี้สามารถเก็บมะเขือเทศได้นานเป็นสัปดาห์เลย
วิธีเก็บมะเขือเทศระยะที่ 2. เก็บไว้ได้นานหลักเดือน
เตรียมน้ำสะอาด ใส่เบกกิ้งโซดาลงไปละลายในน้ำที่เตรียมไว้ กะให้พอท่วมมะเขือเทศทั้งหมดที่ต้องการจะเก็บ
เด็ดใบเลี้ยงมะเขือเทศออกให้หมด จากนั้นแช่ทิ้งไว้ในน้ำที่ผสมเบกกิ้งโซดาไว้เมื่อซักครู่นี้ 15 นาที
ครบเวลาแล้วนำขึ้น เช็ดให้แห้งอย่างเบามือ ถ้าตากลมไว้ให้แห้งสนิท จากนั้นห่อด้วยกระดาษทิชชู่สำหรับทำครัวให้มิดลูก เก็บใส่กล่องพลาสติก แล้วนำไปแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดาได้เลย
วิธีเก็บมะเขือเทศ ระยะที่ 3. เก็บไว้ได้นานเป็นหลักปี
เด็ดขั้วมะเขือเทศออกและทำความสะอาดมะเขือเทศด้วยการแช่เบกกิ้งโซดาเหมือนการเก็บระยะที่ 2. เปลี่ยนจากการห่อด้วยกระดาษทิชชู่เป็นใช้ฟิล์มถนอมอาหารห่อให้มิดลูกแทน
จากนั้นนำใส่กล่องพลาสติก เรียงไม่ให้ทับซ้อนกัน แล้วนำแช่ช่องฟรีช วิธีการเก็บแบบนี้จะทำให้เก็บมะเขือเทศออกไปได้นานเป็นปี หากจะนำออกมาใช้งาน ให้ใช้มีด กรีดเบาๆที่ก้นเป็นกากบาท ตั้งหม้อให้น้ำเดือดแล้วนำลงไปลวก ขึ้นมาแช่น้ำแย็นก็สามารถนำไปปรุงต่อได้ ซึ่งวิธีเหมาะกับการนำมะเขือเทศไปปรุงเป็นซอส ทำซุป หรือผัดกับเนื้อสัตว์
เลือกมะเขือเทศอย่างไรให้ได้ลูกที่รสชาติหวานฉ่ำ
เวลาซื้อให้พลิกดูที่ก้นของมะเขือเทศ จะมีขีดสีขาวปรากฏอยู่ซึ่งขีดตรงนี้นี่แหละค่ะจะเป็นตัวชี้ให้เห็นว่ามะเขือเทศลูกนี้เติบโตมาอย่างดี ได้รับสารอาหารและน้ำเพียงพอที่เนื้อด้านในจะให้รสหวาน ฉ่ำ นั้นเองค่ะ
Story : อรญา ไตรหิรัญ
Photo : วาระ สุทธิวรรณ.